
เดอะนิวพาสต้าอพาร์ตเมนต์
อิ๊งค์ Eat All Around





















เดอะนิวพาสต้าอพาร์ตเมนต์
ใครเคยดูหนังฝรั่งแล้วมีฉากที่พระเอกทำอาหารเลี้ยงเพื่อนกันบ้าง แหมมันช่างน่าไปร่วมโต๊ะด้วยจริงๆ ขอบอกว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความฝันอีกแล้ว เพราะมีเชฟชาวอิตาเลียนแท้ๆจากเมืองโบลซาโน่(Bolzano) ทางตอนเหนือของอิตาลี หลงเสน่ห์มาอยู่เมืองไทยนาน 7 ปี ได้เปิดห้องพักให้ชาวไทยพาเพื่อนๆมาปาร์ตี้ชิมอาหาร มาบัดนี้ได้ขยับขยายย้ายมาอยู่ที่บ้านในซอยพิบูลวัฒนา 11 หลังกระทรวงการคลัง คลองประปาสามเสน ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา เชฟเทเบิ้ลเจ้านี้มีชื่อใหม่ว่า เดอะนิวพาสต้าอพาร์ตเมนต์(The New Pasta Apartment)
เชฟฟิลิปโป บอร์โตลาเมดิ(Filippo Bortolamedi) หรือพี่โป้ โชว์ทำอาหารในครัวเปิด บรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลายสบายๆ เหมือนไปกินข้าวบ้านเพื่อนชาวอิตาเลียน โดยรับจองแค่วันละคณะเดียวเท่านั้น(คือคนไปต้องรู้จักเป็นเพื่อนกันหมด) อย่างต่ำ 8 คน มากสุด 12 คน และมีแค่รอบเดียวตอนมื้อเย็นตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม คิดคนละ 2,500 บาท++ (ไม่รวมเครื่องดื่ม) ซึ่งถ้าหมดช่วงล็อกดาวน์เมื่อไหร่ จะให้จองผ่านเว็บไซต์ table check เท่านั้น เห็นว่าอาจจะเปิดจองวันไปถึงสิ้นปีรวดเดียว(ขอบอกว่าเต็มเร็วมาก )และต่อไปจะไม่มีวันหยุดพักแล้ว
ถ้าสนใจขอให้คอยเช็คที่เฟซบุ๊ก The New Pasta Apartment ไปเรื่อยๆว่าเปิดจองเมื่อไหร่ และมีข่าวดีคือในช่วงที่ห้ามนั่งกินในร้าน ก็จะเปิดให้สั่งอาหารแล้วมารับเองไปชิมที่บ้านได้อีกด้วย
สมมติว่าจองกันได้แล้ว พอถึงวันไปให้ค้นในกูเกิ้ลแมพส์ว่า The Pasta Apartment Ari ทางไปนั้นมาตามถนนพระราม 6 จนถึงสี่แยกพิบูลวัฒนา แล้วเลี้ยวข้ามคลองประปาเข้าพระรามที่ 6 ซอย 34 (ซอยนี้อยู่ตรงข้ามด่านทางด่วนคลองประปา 1) ตรงเข้าหมู่บ้านพิบูลวัฒนาแล้วเลี้ยวขวาที่วงเวียนเสาธง วิ่งผ่านแยกเล็กๆ พอถึงแยกที่ 3 ให้เลี้ยวซ้าย ตรงเข้าไปเรื่อยๆจนถึงบ้านเลขที่ 102 บ้านไม้สีขาวทางขวามือ หน้าบ้านมีซุ้มประตูเล็กๆให้เดินเข้าไป โดยจะจัดโต๊ะอาหารใหญ่ไว้ให้ในบ้าน ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเพื่อนจริงๆ สามารถคุยกับพี่โป้ได้ตลอด
แนวอาหารของเชฟฟิลิปโปแน่นอนว่าต้องเป็นอาหารอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด แต่จัดจานให้ออกมาหน้าตาดี โดยให้อย่างจุใจมีตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย 4 อย่าง พาสต้าจานเส้น 3 อย่าง อาหารจานหลัก 3 อย่าง และเครื่องเคียง 2 อย่าง เสิร์ฟในจานใหญ่ให้ตักแบ่งกันชิม ส่วนของหวานนั้นสั่งแยกคนละอย่างได้เลย ซึ่งมีให้เลือก 4 ชนิด สำหรับเมนูนั้นในเว็บไซต์ Table Check มีให้เราเลือกได้เลยล่วงหน้า ถ้าอยากสั่งจานเล็กเพิ่มเติมอีก เช่นสำหรับ 3 คน ก็บอกล่วงหน้าเพิ่มได้เช่นกัน
จากนั้นพี่โป้ซึ่งแต่งตัวเหมือนอยู่บ้านจริงๆ(ช่วงนั้นตอนต้นปีสถานการณ์ยังไม่ร้อนแรงเหมือนตอนนี้) ก็มาที่โต๊ะ บรรยายว่าคืนนี้จะทำอะไรให้กินบ้าง บางเมนูมีแถมให้เพิ่มเป็นพิเศษด้วย
เริ่มกันด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย(Antipasto) ชื่อว่าบรูสเก็ตต้า(bruschetta) ขนมปังหน้ามะเขือเทศสดกับโหระพาราดน้ำมันมะกอก อีกทั้งยังมีขนมปังหน้าชีสทาเล็จจิโอ้(Taleggio) กับแอ๊ปเปิ้ลสดด้วย พี่โป้จัดเต็มมาก มีทั้งคาร์ปาชโช่ปลาหมึกยักษ์(Octopus Carpaccio)ชิ้นบางๆ สลัดซีฟู้ดใส่กุ้ง หอย ปลาหมึกมากกว่าผัก ราดน้ำสลัดส้มสด และของโปรดผม หอยแมลงภู่(Black Mussel หรือ Bouchot จากฝรั่งเศส)ในซอสไวน์ขาว กับหอยแมลงภู่ในซอสมะเขือเทศสดด้วย ต่อด้วยสลัดทูน่าจี่ในกระทะพอสุก ราดน้ำสลัดน้ำส้มสายชูบัลซามิค และยังแถมทาร์ทาร์(Tartar) เนื้อแองกัสออสเตรเลียคลุกกับไข่ไก่สดออร์แกนิกมาให้ด้วย
ตามธรรมเนียมพอจบอาหารเรียกน้ำย่อยก็จะต่อด้วยพาสต้า เริ่มด้วยการ์กาเนลลีซอสรากูแกะสับ(Garganelli lamb ragu) ปรุงให้สุกอย่างช้าๆ(Slow-cooked) การ์กาเนลลีคือพาสต้ารูปท่อทรงกระบอกที่ปลายม้วนซ้อนเหลื่อมกัน เข้ากันดีกับซอสแกะสับใส่มะเขือเทศ เมนูดังของเชฟฟิลิปโป และมีพาสต้าเส้นแบน เฟตตุชชินี่(Fettucine)กับหอยแมลงภู่และมะเขือเทศเชอร์รี และเมนูพาสต้าหนักท้อง ญ็อกกี้(Gnocchi)ใส่ชีสทาเล็จจิโอ้(Taleggio)กลิ่นเข้มข้นของอิตาลี ซึ่งญ็อกกี้มีมันฝรั่งเป็นส่วนผสม ผมไม่เคยกินได้หมดจานเลยเพราะหนักเต็มคำมาก
ยังอิ่มกันไม่ได้ มีพาเหรดอาหารจานหลักของดีอีกเพียบ ทั้งสเต๊กโทมาฮอว์ค(Tamahawk)ชิ้นยักษ์(สั่งเพิ่มเป็นเมนูพิเศษ 3,500++ 1.5 กิโล) และที่อลังการมากๆคือ ปลากะพงขาวอบหุ้มเคลือบด้วยก้อนเกลือ (Salt-crusted sea bass) ซึ่งเชฟจะมาทำพิธีกะเทาะก้อนเกลือผสมไข่ขาวปรุงด้วยใบไทม์และโรสแมรี ที่อบจนกลายเป็นแป้งสีเหลืองหุ้มตัวปลา เหลือแต่เนื้อปลาชุ่มฉ่ำหอมน่ากิน และมีของทะเลย่างทั้งกุ้งลายเสือ ปลา และหอยแมลงภู่ของไทยด้วย
ส่วนเครื่องเคียงคู่จานปลาก็เด็ดมากคือ คาโปนาต้า(Caponata) ของดีจากตอนใต้ที่เกาะซิซิลี ทำจากมะเขือม่วงย่างสับ ปรุงรสใส่น้ำมันมะกอก เคเปอร์ มะเขือเทศ ลูกมะกอกและเมล็ดสน มีรสชาติเข้มข้นเปรี้ยวอมหวานในตัว และเครื่องเคียงทางใต้อีกอย่างคือพาร์มิจาน่า(Parmigiana) มีทั้งมะเขือม่วง ซอสมะเขือเทศ ชีสมอสซาเรลล่าและชีสพาร์มีจาโนเรจจาโน(Parmigiano Reggiano) และโหระพาอิตาเลียน ทำเป็นชั้นๆสลับกัน แล้วนำไปอบเหมือนลาซานญ่า นอกจากนี้ยังมะกอกให้แกล้มและมีมันฝรั่งอบอีกด้วย
กว่าจะถึงของหวานก็อิ่มท้องตาปรือกันถ้วนหน้า เราเลือกได้คนละอย่าง มีทั้งบีทรูทปันนาคอตต้า(Beetroot Panna Cotta)สีชมพูสวย ทีรามิสุ(Tiramisu) แอ๊ปเปิ้ลสตรูเดิล(Apple Strudel) ใส่อบเชยกับลูกเกด และช็อกโกแลตมูส สั่งมาแชร์กันกินสนุกที่สุด
ของกินยอดนิยมอื่นๆยังมี ซุปทะเลใส่ปลาและหอย ปลาหมึกยัดไส้ และเนื้อลูกวัวชุบเกล็ดขนมปังทอดกับแยมเบอร์รีซี่งเป็นอาหารบ้านเกิดเชฟ น้องโบว์หุ้นส่วนของพี่โป้บอกว่าถ้าร้านเปิดได้อีกเมื่อไหร่ก็จะมีเมนูออกมาใหม่อีกเพียบ โดยจะคงเมนูซิกเนเจอร์ไว้
ข่าวดีสำหรับช่วงห้ามนั่งกินที่ร้าน เชฟฟิลิปโปให้สั่งอาหารแล้วมารับเองไปกินที่บ้าน มีเมนูยอดนิยมเช่นสปาเก็ตตี้หอยลาย(Spaghetti alle Vongole)(720 บาทสำหรับ 2 คน) พาสต้าซอสรากูแกะสับ(590 บาท) พาสต้าโอเร็คคิเอตเต(Orecchiette)ผัดบร็อคโคลีใส่ไส้กรอกอิตาเลียนกับพริกแห้ง(500 บาท) สลัดเนื้อวากิวออสเตรเลีย (690 บาท ) สลัดปาร์มาแฮมกับชีสบูราต้า(490 บาท) หอยแมลงภู่บูโชต์ซอสไวน์ขาว(1,200 บาทให้ 3 กล่องใหญ่) พาร์มิจาน่ามะเขือม่วง(490 บาท)และขนมทีรามิสุ(490 บาท) โดยขายเป็นรอบมื้ออาหาร ติดตามดูได้ที่ IG thenewpasta.apartment และเฟซบุ๊ก The New Pasta Apartment และสั่งได้ทาง Line @thepastaapartment (หยุดทุกวันจันทร์)
และนี่คือเรื่องราวของเชฟชาวอิตาเลียนที่หลงรักเมืองไทย เป็นร้านสไตล์เชฟเทเบิ้ลปาร์ตี้ในหมู่เพื่อนที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ให้พยายามจองจนได้คิว รับรองว่าจะอิ่มอร่อยและสนุกสนานเพลิดเพลินควบคู่กันไปด้วยแน่นอน