สีลมภัตตาคาร

สีลมภัตตาคาร คือร้านกุ๊กช็อปจีนไหหลำปนฝรั่งเจ้าตำนาน กินกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ถือเป็นร้านในดวงใจของผมเลยทีเดียว สมัยก่อนอยู่ที่ถนนสีลม เริ่มกิจการเมื่อพ.ศ. 2495 และได้ปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2555 จากนั้นได้ย้ายทำเลกลับมาเปิดใหม่ในย่านตลิ่งชัน ริมถนนบรมราชชนนีขาออก ก่อนถึงถนนราชพฤกษ์เพียง 400 เมตร โดยใช้ชื่อว่า สีลมภัตตาคาร ตามเดิม

คุณชายถนัดศรีเคยเล่าให้ฟังว่า ชาวจีนไหหลำในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เข้ามาประกอบอาชีพเป็นกุ๊ก ลูกมือของเชฟฝรั่งที่รับราชการในห้องเครื่องวังหลวงและวังเจ้านายชั้นสูง ในภายหลังจึงออกมาเปิดร้านอาหารสไตล์ กุ๊กช็อป ขายอาหารฝรั่งปนจีนปนไทย หนึ่งในร้านชื่อดังนั้นก็คือสีลมภัตตาคารนี่เอง

สำหรับการเดินทางไปสีลมภัตตาคารนั้นให้ตั้งต้นที่สะพานกรุงธนมาตามถนนสิรินธร หรือตั้งต้นที่สะพานพระปิ่นเกล้ามาตามถนนบรมราชชนนี อย่าขึ้นทางต่างระดับเป็นอันขาด วิ่งด้านล่างมาเรื่อย ๆ เดี๋ยวจะมีสะพานที่ถนน 2 เส้นนี้มารวมเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นอีกสักพักให้ชิดซ้ายออกทางคู่ขนานด้านนอก พอข้ามสะพาน (ข้ามทางรถไฟ) ถัดไป ลงสะพานก็จะเห็นร้านสีลมภัตตาคารอยู่ตรงคอสะพานทางลงด้านซ้ายมือทันที

ถ้าไม่ใช่ซูเปอร์แมนคงเลี้ยวเข้าร้านไม่ได้แน่ ๆ ให้ชิดซ้ายวิ่งต่อไปผ่านสน.ตลิ่งชัน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนฉิมพลี(มีป้ายบอก) วนเข้าไปตามทางยาวเป็นกิโล แล้วเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกเข้าถนนเลียบทางรถไฟสายใต้ และเลี้ยวซ้ายอีกทีออกทางคู่ขนานของถนนบรมราชชนนีอีกครั้งหนึ่งเป็นวงรอบ คราวนี้ตัวร้านกับที่จอดจะอยู่ซ้ายมือเลย

เดินเข้าร้านมาแล้วจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศดั้งเดิม ทั้งเก้าอี้ไม้โบราณพนักพิงไม้กลมโปร่งสไตล์เชโกสโลวาเกียในอดีต และเหล็กดัดจากร้านเก่าที่นำมาติดตั้งใหม่ตรงห้องปรับอากาศ ถึงแม้ขนาดร้านจะเล็กกว่าร้านเดิมแต่ก็ทำให้หายคิดถึงได้เป็นอย่างดี 

ร้านใหม่ที่ย่านตลิ่งชั่่นนี้เป็นของทายาทรุ่นที่ 3 คุณสุเชษฐ์ ดิสภานุรัตน์ หลานชายของนายหนี่จิว แซ่ผู่ กับนางห่านตี้ แซ่ห่าน เจ้าของร้านรุ่นแรก ซึ่งคุณแม่ของคุณสุเชษฐ์นั้นเป็นลูกสาวคนโต ว่าการในครัวร้านเก่ามาตลอด และยังมาช่วยดูร้านนี้ตอนเปิดตัวใหม่ ๆ ด้วย จากนั้นก็ได้คุณกล้วย-รุ่งทิวา ดิสภานุรัตน์ ภรรยาคุณสุเชษฐ์ที่เคยเป็นเชฟโรงแรมระดับห้าดาวมาเป็นมือปรุงเมนูกุ๊กช็อป แถมยังมีกุ๊กลูกหม้อร้านเก่าติดสอยห้อยตามมาด้วย

เมนูยอดฮิตตั้งแต่ดั้งเดิมยังมีครบถ้วน แถมมีรูปอาหารโชว์อยู่ในเมนูเคลือบแผ่นเดียว พลิกดูได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

เริ่มรำลึกความหลังกับขนมปัง-เนย(55 บาท ถ้าซื้อเป็นแถวคิด 90 บาทไม่มีเนย) เนื้อเนียนนุ่มจนหมดภายในพริบตา เป็นขนมปังหัวกะโหลกที่ยังรับจากเจ้าดั้งเดิม ใหม่สดทุกวัน นุ่มแสนนุ่มไม่มีเปลี่ยนแปลง ทาเนยสดเยอะ ๆ กินเปล่า ๆ หรือจิ้มน้ำเกรวีสตูลิ้นวัวหรือน้ำแกงกะหรี่ไก่ก็อร่อยทั้งนั้น ถ้าชอบกินร้อน ๆ กรอบ ๆ หน่อยก็บอกให้ที่ร้านปิ้งให้ได้ 

แกงกะหรี่ไก่(250 บาท) เสิร์ฟคู่กับขนมปังเนย รสชาตินุ่มนวลตามแบบฉบับกุ๊กช็อป ซึ่งยังโขลกเครื่องแกงเคี่ยวเองนาน 2 ชั่วโมงแล้วแช่ไว้ในตู้เย็น พอลูกค้าสั่งก็แบ่งออกมาแกงกับกะทิสด เนื้อสะโพกไก่นุ่มอร่อย แกล้มกับอาจาดเปรี้ยว ๆ ถ้าชอบอกไก่ก็สั่งได้เช่นกัน เป็นเมนูคู่ขนมปัง-เนยมาช้านาน 

สตูลิ้นวัว(240 บาท)เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ใครไม่กินเนื้อเดี๋ยวนี้มีสตูลิ้นหมูให้สั่งด้วย แต่ความหอมอาจสู้ลิ้นวัวไม่ได้ กรรมวิธีทำต้องลวกแล้วขูดเปลือกนอกออก ต้ม 2-3 ชั่วโมงจนเปื่อย ส่วนน้ำเกรวีนั้นทำแยกต่างหาก ปรุงจากซอสมะเขือเทศเข้มข้นนำมาปรุงรสให้ออกเปรี้ยวนิด ๆ เผ็ดพริกไทยหน่อย ๆ เมนูนี้มาพร้อมกับขนมปังเนยเช่นกัน เข้ากันดีมาก วิธีกินอีกแบบคือคลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ แล้วราดน้ำปลาพริก

ถ้ามาแล้วไม่สั่งซี่โครงหมู(250 บาท)เหมือนมาไม่ถึงสีลมภัตตาคาร ทำได้อร่อยเด็ด กรอบนอกนุ่มใน หอมมันชุ่มฉ่ำจริง ๆ มาพร้อมขนมปังเนยเช่นกัน เมนูนี้คือพอร์กช็อปของฝรั่ง ซี่โครงหมูติดมันไซซ์ขนาดกลาง (ถ้าใหญ่ไปจะมีมันน้อย) นำมาต้มทั้งแถว จากนั้นหั่นแบ่งเป็นชิ้น ๆ ชุบแป้ง ไข่ ปรุงรสด้วยพริกไทย เก็บเข้าตู้เย็น พอลูกค้าสั่งก็นำออกมาชุบเกล็ดขนมปังที่ทำเอง โดยใช้ขนมปังหัวกะโหลกนำไปตากแห้ง ตำให้ละเอียด มีความหอมและมีรสชาติมากกว่าเกล็ดขนมปังสำเร็จรูป จากนั้นนำไปทอด ส่วนน้ำเกรวีก็ทำสดใหม่เป็นหม้อ ๆ ทุกวันจะได้ไม่คืนตัว ปรุงจากน้ำต้มซี่โครงหมูและกระดูกไก่ ใส่ถั่วลันเตาต้มเวลาสั่งจานต่อจาน

ที่ขาดกันไม่ได้อีกอย่างคือสลัดเนื้อสัน(250-500 บาท) ชิ้นหนา ๆ ไม่ติดมัน หมักด้วยเกลือ น้ำมัน และพริกไทยทิ้งไว้สัก 2 ชั่วโมง พอสั่งก็ทอดร้อน ๆ กรอบนอกนุ่มใน แกล้มผักกาดหอม มะเขือเทศ แตงกวา และหัวหอม ส่วนน้ำสลัดกุ๊กช็อปของแท้ต้องเป็นสลัดน้ำใส ซึ่งที่นี่ใช้น้ำส้มสายชูหมักกลิ่นรสหอม ๆ ต้มกับน้ำตาลเสียก่อน ปรุงรสด้วยมัสตาร์ด แล้วนำมาผสมกับน้ำมันสลัด เกลือ พริกไทย กินเนื้อสันแบบคลาสสิกต้องเหยาะซอสเปรี้ยวเพิ่มลงไปด้วย เมนูนี้มีสลัดหมูสันให้เลือกเช่นกัน

ใครไม่คุ้นกับน้ำใสก็ให้สั่งสลัดน้ำข้นกุ้ง-ปู(180-360 บาท) น้ำสลัดปรุงเองสูตรนี้ผสมกับไข่แดง (ใส่ไข่ขาวด้วยนิดหน่อย) นมข้นจืด น้ำตาลทราย เกลือ และมะนาว รสเข้มข้นหอมมัน มีรสเปรี้ยวนิด ๆ ชื่นใจ เนื้อปูเป็นก้อน ๆ เลย

ยังมีเมนูเก่าแก่ให้ชิมมากมาย ทั้งซุปหางวัว(130-260 บาท)ที่ใช้หางวัวขนาดเล็กจะได้ไม่มันมาก เน้นน้ำซุปรสเข้มธรรมชาติ ใส่มักกะโรนีเป็นเอกลักษณ์ ลูกชิ้นกุ้งผัดผักโสภณ(170 บาท) ลูกชิ้นกุ้งทำเองโดยใช้เนื้อกุ้งบดล้วน ๆ ผสมมันหมูนิดหน่อยพอให้ปั้นเป็นลูกได้ กินกับผักโสภณกรอบอร่อย ทอดมันกุ้ง(200 บาท) จิ้มน้ำซอสสีแดง ๆ และกระเพาะหมูผัดเกี่ยมฉ่าย 170 บาท) อีกทั้งตอนนี้ได้เพิ่มเมนูใหม่ขึ้นมา โดยนำของเก่ามาประยุกต์ใหม่คือ ซีเต๊กเนื้อบด อีกด้วย(280 บาท) เคี้ยวง่ายสไตล์แฮมเบิร์ก ใครไม่กินเนื้อก็มีซีเต๊กหมูบด คำว่าซีเต๊ก ก็คือภาษาร้านจีนกุ๊กช็อปไหหลำ แปลว่า สเต๊กนั่นเอง 555 

ร้านสีลมภัตตาคารที่ตลิ่งชันเปิดบริการตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม หยุดทุกวันพุธ โทรสอบถามได้ที่ 08-7072-2944

มีข่าวดีปลายปีนี้สีลมภัตตาคารจะไปเปิดสาขาเพิ่มอีกแห่งที่ สีลมซอย 17 ใกล้ร้านยุคแรก เป็นของลูกชายรุ่นที่ 4 แล้วนะจ๊ะ อีกไม่นานเกินรอ

แนะนำ            ขนมปัง-เนย แกงกะหรี่ไก่ สตูลิ้นวัว ซี่โครงหมู สลัดเนื้อสัน ลูกชิ้นกุ้งผัดผักโสภณ ซุปหางวัว สลัดน้ำข้นกุ้ง-ปู กระเพาะหมูผัดเกี่ยมฉ่าย