
Seasoning 36
อิ๊งค์ Eat All Around














Seasoning 36
ร้านเชฟเทเบิลที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกินข้าวที่บ้านเพื่อน คิวยาวจองเต็มนาน 4-6 เดือนหรือข้ามปี ต้องยกให้ร้าน Seasoning 36 เลย
เพราะนี่คือการกินข้าวสไตล์เชฟเทเบิลโฮมคุกกิ้งแบบไม่มีพิธีรีตองในบ้านเชฟจริงๆ เห็นเจ้าของทำอาหารในครัวเปิดตรงโต๊ะกินข้าว ให้ความอบอุ่นเฮฮาเป็นกันเองมากๆ
เจ้าของบ้านคือน้องเบนซ์ อัครเดช เตชะเกสรี ซึ่งเป็นหลานของเพื่อนสนิทของผมด้วย ได้ปริญญาด้านวิศวะ ก่อนไปเรียนโทที่อเมริกา มีโอกาสไปทำงาน part time ที่ร้านอาหารในเมืองซีแอตเติล และกลับมาเป็นผู้ช่วยให้เซเลปเชฟพล ตัณฑเสถียร จึงเปลี่ยนแนวชีวิต กลับไปนิวยอร์ก ร่ำเรียนทำอาหารจริงจัง อีกทั้งได้ฝึกงานในร้านมิชลิน ระดับ 2 ดาวอีกด้วย
ในที่สุดน้องเบนซ์จึงเปิดบ้านในซอยสุขุมวิท 36(หรือซอยแสนสบายถ้าเข้าจากถนนพระราม 4) ทำอาหารให้กินเฉพาะมื้อเย็น วันละ 1 โต๊ะ โดยรับแค่ 6-8 คนเท่านั้น แถมยังหยุดทุกวันจันทร์และวันศุกร์อีกด้วย ลูกค้ามีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงเจ้าของกิจการ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีทุกรูปแบบจริงๆ
ก่อนอื่นรีบพูดถึงวิธีการจอง ตามปกติน้องเบนซ์จะเปิดให้จองครั้งละยาว 6 เดือน แต่คราวที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ได้เปิดให้จองทาง Line Shopping ตอน 10.00 น. สำหรับเดือนมกราคม-เมษายน 2566 นาน 4 เดือน ปรากกฎว่าคิวเต็มหมดในพริบตา เมื่อจองได้แล้วต้องวางมัดจำด้วย ดังนั้นถ้าใครสนใจ ให้คอยติดตามได้ที่ Line @seasoning36 (ซึ่งปกติแฟนน้องเบนซ์ทำทาร์ตและบราวนี่กับชีสเค้กขาย) หรือที่ Facebook Seasoning 36 นะจ๊ะ ขอให้โชคดี
สมมติว่าจองได้แล้ว การมาที่บ้านน้องเบนซ์ให้เปิดกูเกิ้ลแมพส์ Seasoning36 เข้าซอยสุขุมวิท 36 จากนั้นเลี้ยวเข้าซอยแสนสบาย 2 อีกที ซึ่งเป็นซอยตันสั้นๆ พอถึงเกือบท้ายซ้ายให้เลี้ยวเข้าซอยเล็กๆแคบๆทางขวา จอดรถริมซอยฝั่งหนึ่งได้เลย และเดินตรงไปบ้านข้างในสุดเลขที่ 74/1 ไม่มีป้ายชื่อร้าน นี่แหละคือร้าน Seasoning 36
แต่ละวันซึ่งมีโต๊ะเดียว ย้ำว่าแค่ 6-8 คนนั้น น้องเบนซ์จะทำอาหารคาว 6 อย่างกับของหวาน 1 อย่างให้ลิ้มลอง ในราคา 2,000-2,400(หรือ 2,500) บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ได้
ถ้าใครมาครั้งแรกจะบังคับให้เป็นคอร์สอาหารไทย แต่ถ้ามาซ้ำอาจจะเปลี่ยนเป็นคอร์สญี่ปุ่น หรือ Western ได้ด้วย โดยสามารถเลือกเวลาเริ่มกินได้ ตั้งแต่ 6 โมงเย็น 6 โมงครึ่ง ไปจนถึง 1 ทุ่ม
ซึ่งผมนั้นข้ามขั้นไปชิมคอร์สญี่ปุ่นเลย เนื่องจากน้องพีท กินกับพีทนั้นเป็นคนพามา เคยกินอาหารไทยไปแล้ว และคืนนั้นเรายังสั่งเมนูพิเศษเพิ่ม เป็นไฮไลท์อีก 1 อย่างด้วย
เชฟเบนซ์แต่งตัวตามสบายทำอาหาให้พวกเรา จานแรกญี่ปุ่นผสมไทย ปลากุเลาหมักเกลือ 2 ชั่วโมงแล้วนำไปย่าง ราดซอส Tosazu ซึ่งคือน้ำส้มสายชูข้าวที่ปรุงรสด้วยโชยุ มิริน ผสมกับน้ำซุปปลาแห้ง มีความหอมและเปรี้ยวเล็กน้อย
คอร์สที่ 2 น้องเบนซ์ตีความ Caprese Salad ที่ประกอบด้วยชีสมอซซาเรลล่า มะเขือเทศและโหระอิตาเลียน เสียใหม่ จากชีสกลายเป็นเต้าหู้ปั่นกับสาหร่ายโนริ ใส่โชยุ มิริน ดาชิ กินกับมะเขือเทศบิจิน(Bigin) ที่ปลูกได้ทางภาคเหนือของไทย ปอกเปลือกและดองกับโชยุและดาชิ ส่วนน้ำสลัดทำจากกระเทียมดำใส่ในหม้อหุงข้าวนาน 1 เดือน กินกับใบชิโสะแทนโหระพา
เมนูที่ 3 คือจานเส้น พาสต้าเย็น เส้นคาเปลลินีหรือแองเจิลแฮร์เส้นเล็กๆ ราดซอสทรัฟเฟิลสาหร่ายคอมบุ โปะหน้าด้วยหอยไม้ไผ่ ซึ่งตามปกติจะเป็นหอยเชลล์ฮอกไกโด และมีไข่ปลาแซลมอนด้วย
ต่อด้วยเมนู ทูน่าโทสต์ ขนมปังโชกุปังอบกรอบ ให้ทาด้วยครีมชีสผสมมิโซะแดง กินกับทูน่าเนื้อแดงอกามิ และชูโทโร่สับหอมมัน ใส่ผักดองหรือตาก้วงสีเหลืองๆ ด้านบนนั้นคือไข่แดงเค็มขูดฝอย
คอร์สที่ 5 มันหวานญี่ปุ่น ย่างกับบราวน์บัตเตอร์หอมๆ ราดมายองเนสผสมซาวร์ครีม และไข่ปลาปรุงรสเมนไทโกะ ส่วนด้านบนคือชีส Padano ขูดที่คล้ายชีสพาร์เมซาน
เมนูถัดมา น้องเบนซ์บอกว่าปกติไม่เคยมี แต่ทำเพิ่มให้ คือราเมนซุปมะนาวดอง กินกับเนื้อวากิว A4 แล่บางๆ ถ้าไม่กินเนื้อจะเปลี่ยนเป็นอกเป็ดรมควัน โดยน้ำซุปทำจากน้ำต้มโครงไก่ ตีนไก่ แครอท หอมใหญ่ มะเขือเทศ ใส่ปลาแห้งตอนจบ มีน้ำมันพริกทำเองด้วย
คอร์สของคาวสุดท้ายคือ ริซอตโต้ข้าวบาร์เลย์ปรุงด้วย Awase Miso ที่เป็นมิโซะขาวผสมมิโซะแดง กินกับแซลมอนย่าง และเห็ดชิเมจิกับหน่อไม้ฝรั่ง น้องเบนซ์บอกว่าได้แรงบันดาลใจจาก Ishikari Nabe ของฮอกไกโด ที่เป็นนาเบะหม้อร้อนน้ำซุปมิโซะกินกับแซลมอน
ยังไม่จบนะจ๊ะ เพราะพวกเราสั่งของดีเมนูพิเศษ จานละ 2,600 บาท คือข้าวผัดมันเนื้อ โปะหน้าด้วยเนื้อสันนอกวากิวออสเตรเลีย ลายไขมันเบอร์ 6-7 ซึ่งถือว่าหอมมันมากแล้ว(จากสูงสุดเบอร์ 9+) ผัดข้าวกับมันเนื้อโดยไม่ต้องใข้น้ำมัน จานใหญ่ขนาดนี้ใช้ข้าว 700 กรัม เนื้อ 500 กรัม ส่วนเนื้อใช้เทคนิค reverse sear คือนำเนื้อไปอบก่อนแล้วค่อยมานาบกระทะอีกที
ปิดท้ายจริงๆแล้วด้วยของหวาน Castella Cake หรือเค้กไข่ญี่ปุ่นแบบนางาซากิ กินกับมูสชาเขียว และสตรอว์เบอร์รีคลุกน้ำตาล
นี่คือร้านเชฟเทเบิลในบรรยากาศง่ายๆสบายๆเหมือนกินข้าวบ้านเพื่อนอย่างแท้จริง ขนาดน้องเบนซ์ยังแต่งตัวเหมือนชุดอยู่บ้านทำอาหารให้เราชิม แต่มีอย่างเดียวเท่านั้นคือ Seasoning 36 จองยากที่สุดของที่สุดเลย ขออวยพรให้คุณผู้ฟังโชคดีในการจองปีหน้าครั้งต่อไปนะจ๊ะ