โรงกลั่นเนื้อ

ช่วงหลังๆ ย่านเก่าเยาวราชรวมทั้งถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมอื่นๆในกรุงเทพฯมักจะมีร้านใหม่ๆเกิดขึ้นมา ช่วยสร้างสีสันคืนความมีชีวิตชีวาให้กับชุมชนนั้นๆได้เป็นอย่างดี โดยผู้เล่นรุ่นใหม่เหล่านั้นยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศเก่าๆกลมกลืนไปกับเพื่อนบ้านไม่รู้สึกแปลกแยกออกไป

ดังเช่นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ที่ผ่านมานี้เอง ชาวทรงวาดอันเป็นชุมชนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาถัดจากย่านเยาวราช ซึ่งมีเสน่ห์แบบอาร์ตๆ สงบไม่พลุกพล่านมากนัก ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่กำลังอยู่ในกระแส มาแรงแซงทุกๆร้านภายในพริบตาเดียว ร้านนี้มีชื่อเก๋ๆว่า โรงกลั่นเนื้อ

โรงกลั่นเนื้อเกิดขึ้นจากการผนึกกำลังของน้องๆรุ่นใหม่ไฟแรง 3 กลุ่ม ประกอบด้วยน้องแบม ฟู้ดสไตลิสต์ผู้ซึ่งในวัยเด็กเคยอาศัยอยู่ที่ย่านหัวลำโพงใกล้ๆกัน เป็นผู้สร้างสรรค์น้ำซุปกระดูกเนื้อได้อย่างยอดเยี่ยม รสชาติไม่ซ้ำใคร น้องกอล์ฟ พลัฏฐ์ นักชิมอาหารและฟู้ดบล็อกเกอร์ ผู้คุมมู้ดและโทนการตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศย่านทรงวาด และน้องพีคกับน้องกัญจน์ ผู้รังสรรค์ครัวกลางสำหรับส่งมาให้ร้านนี้

น้องพีคกับน้องกัญจน์เล่าว่าตึกแถว 2 คูหาแห่งนี้เดิมเป็นยี่ปั๊วขายน้ำตาลทรายมาก่อน น้องๆได้มาพูดคุยถูกคอกับเจ้าของเดิม จึงตัดสินใจยกพื้นที่ให้เช่าทำร้านก๋วยเตี๋ยว

ก่อนอื่นขอบอกทางมาร้านโรงกลั่นเนื้อ ให้ตั้งต้นจากถนนเยาวราช มาตามเส้นทางวันเวย์จนถึงสี่แยกราชวงศ์ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชวงศ์ ตรงดิ่งมาทางแม่น้ำเจ้าพระยาจนผ่านธนาคารกรุงเทพสาขาราชวงศ์ทางซ้ายมือ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนทรงวาด ซึ่งเป็นเส้นทางรถวิ่งทางเดียวเช่นกัน มาอีกเพียง 350 เมตรก็จะเห็นร้านโรงกลั่นเนื้ออยู่ในตึกแถวด้านซ้ายมือ ถัดจากร้านอุไร ห่านพะโล้ทรงวาดชื่อดัง จุดสังเกตฝั่งตรงข้ามทางขวาเป็นธนาคารยูโอบีสาขาทรงวาด ถ้าค้นในกูเกิลแมพส์ให้ใช้คำว่า โรงกลั่นเนื้อ-ทรงวาดนะจ๊ะ

สำหรับผู้ที่ขับรถมาให้ขับเลยร้านไปสัก 100 เมตร ตรงฝั่งขวามีที่จอดรถแบบเสียเงินให้เลือกอยู่ 2 ลาน ลานที่เห็นได้ชัดเจนคือลานจอดรถโล่งๆกว้างๆอยู่ติดแม่น้ำ มักจะเรียกว่าลานช้าง เพราะผนังตึกข้างลานจอดมีรูปวาดช้างหกคะเมนขนาดใหญ่มาก(ค่าจอดชั่วโมงละ 40 บาท) ส่วนอีกลานอยู่ในซอยเล็กๆก่อนถึงลานช้างนิดเดียว เข้าไปแล้วจะเป็นลานโล่งอยู่ริมน้ำเช่นกัน 

ด้านหน้าร้านโรงกลั่นเนื้อตั้งหม้อทองเหลืองยักษ์ใส่เครื่องเคราสารพัดเนื้อและเนื้อตุ๋นอย่างจัดเต็ม ดูน่ากินมาก โทนการตกแต่งร้านรู้สึกได้ถึงความเก่าแก่สไตล์จีนทรงวาด เพดานไม่ปิดฝ้า โชว์เนื้อไม้กระดานซึ่งเป็นพื้นดั้งเดิมของชั้นสอง มีช่องสี่เหลี่ยมเปิดโล่งเพื่อระบายความร้อนขึ้นไปที่ชั้นบน กลายเป็นจุดถ่ายรูปทำคอนเทนต์ ที่ใครๆต้องไต่บันไดแสนชันขึ้นไปถ่ายรูปข้างบน และมองลอดช่องลงมาที่สถานีชงก๋วยเตี๋ยว

การตั้งชื่อร้านว่าโรงกลั่นเนื้อนั้นเป็นชื่อที่ถูกต้องที่สุด เพราะจุดเด่นแรกของร้านนี้อยู่ที่น้ำซุปซึ่งได้จากการเคี่ยวกระดูกเนื้อหรือเล้งเนื้อผสมกับเครื่องยาจีนและเหล้าจีนนาน 8-12 ชั่วโมง จนกระทั่งมีไขกระดูกหอมมันมีรสมีชาติออกมาเต็มๆ ซึ่งจะต้องใส่กระดูกเนื้อจำนวนมหาศาลถึงจะมีรสเข้มข้นเค็มๆหอมๆมีบอดี้อร่อยเต็มคำเช่นนี้ได้ รสชาติเป็นซุปเนื้อแบบเช็งๆตามแบบฉบับของจีน ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยก็อร่อยแล้ว แนะนำว่าให้เติมแค่น้ำส้มพริกดองสูตรเด็ดของที่ร้านแค่นั้น เพื่อเพิ่มความเปรี้ยวความหอมของพริกขี้หนูสวนที่นำไปคั่วก่อนแล้วจึงดองกับน้ำส้มสายชู

อีกความสุดยอดของโรงกลั่นเนื้อคือเครื่องเคราชิ้นส่วนของเนื้อต่างๆ ซึ่งนุ่มหอมจนคาดไม่ถึงว่านี่คือเนื้อไทย ไม่ใช่เนื้อนอก ซึ่งถ้าเป็นเนื้อตุ๋นจะต้องตุ๋นนาน 4-6 ชั่วโมงแล้วแต่ชิ้นส่วนของเนื้อ เครื่องเครามีตั้งแต่ลูกชิ้น เนื้อสด เนื้อน่องลาย เนื้อตุ๋น เอ็นแก้วที่นุ่มมาก อีกทั้งเนื้อสามชั้นตุ๋นหอมมันแต่เนื้อแน่นไม่ยุ่ยเลย และสุดยอดเพียตุ๋น อันหมายถึงเนื้อร่องซี่โครง ที่เรียกว่าคารูบิในภาษาญี่ปุ่น ตุ๋นได้นุ่มและยังคงความเด้งของเนื้อเพียได้เป็นอย่างดี และชิ้นส่วนสุดท้ายคือลิ้นตุ๋นที่นุ่มหอมเช่นกัน

เส้นก๋วยเตี๋ยวมีให้เลือก 3 อย่าง เส้นเล็ก เส้นหมี่ขาว และบะหมี่ ราคาตั้งต้นที่ชามละ 95 บาทคือก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นเนื้อสดธรรมดา

แต่มาทั้งทีต้องสั่งให้อลังการสุดๆไปเลย นั่นก็คือเกาเหลาเนื้อตุ๋นจักรพรรดิ(250 บาท)ที่ถือเป็นชามพิเศษของทางร้าน ใส่เครื่องทั้ง 8 อย่างที่บอกไปแล้ว ซึ่งถ้าไม่ชอบอะไรก็ขีดออกในใบสั่งอาหารเป็นอย่างๆได้เลย ส่วนถ้ากินไม่จุมากก็ให้สั่งขนาดธรรมดาที่เรียกว่าเกาเหลาเนื้อตุ๋น(150 บาท) มากินกับข้าวเปล่า(20 บาท)

สูตรที่แนะนำให้สั่งคือเกาเหลาแห้งรองด้วยผักกาดหอมกับถั่วงอก ซึ่งจะราดซอสน้ำมันพริกสูตรพิเศษที่คั่วพริกและปรุงรสชาติมาให้ด้วย มีรสหอมเผ็ดตอนปลายและอมหวานเล็กน้อย และให้ขอน้ำซุปถ้วยเล็กๆมาต่างหาก เติมน้ำส้มพริกดองลงไป มันยอดมากจริงๆ 

และร้านนี้มีทีเด็ดแปลกกว่าใครคือ สามารถสั่งปาท่องโก๋มา 1 จาน(20 บาท) ไม่ได้ให้กินเปล่าๆ แต่ให้ใส่ในน้ำซุปกินเล่น ซึ่งปาท่องโก๋จะดูดความเข้มหอมของน้ำซุปเข้าไปในเนื้อแป้ง ทำนองเดียวกับกินบักกุดเต๋กับปาท่องโก๋

ถ้าไม่จุใจก็สามารถสั่งท็อปปิ้งเนื้อต่างๆเพิ่มได้ทุกชิ้นส่วน(คิดเพิ่มอย่างละ 60 บาท) ส่วนคนที่ไม่กินเนื้อ จะไม่มีก๋วยเตี๋ยวอื่นๆให้ชิมนะจ๊ะ แต่ให้สั่งข้าวหน้าไก่(100 บาท)หรือบะหมี่หน้าไก่จักรพรรดิ(120 บาท) แกล้มด้วยกุนเชียงแทน ซึ่งที่ร้านจะตั้งใจไม่ให้รสเข้มหรือข้นเหนียวเกินไป

ร้านโรงกลั่นเนื้อเปิดบริการตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม หยุดทุกวันจันทร์ โทร 06-3830-6335 เนื่องจากร้านนี้ได้รับความนิยมมาก แนะนำให้มาวันธรรมดาดีที่สุด ส่วนถ้ามาวันเสาร์-อาทิตย์ คนจะยืนรอเข้าคิวตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน บางครั้งต้องรอนานนับชั่วโมงกว่าจะได้ลิ้มลอง เนื่องจากมีโต๊ะจำนวนจำกัดช่วงมื้อกลางวันเสาร์-อาทิตย์อาจจะไม่ได้รับสายด้วยนะจ๊ะ และบางครั้งช่วงเย็นๆ ของจะหมดก่อนปิดร้านก่อนเวลาได้ แต่ขอบอกว่าคอเนื้อห้ามพลาดร้านนี้เลย เพราะมีรสชาติอร่อยไม่ซ้ำใคร