
พวงทอง
อิ๊งค์ Eat All Around












พวงทอง
เชียงใหม่มีร้านอาหารไทยภาคกลางรสชาติดั้งเดิมแสนอร่อยจนอยากเก็บไว้กินคนเดียว ร้านเก่าแก่บ้านๆเจ้านี้มีชื่อว่าพวงทอง อยู่ริมแม่น้ำปิง ถนนป่าแดด ตามเส้นทางที่จะไปวัดป่าแดดอันโด่งดังที่ใครๆหลายคนรู้จักกันดี
ร้านอาหารพวงทองนั้นมีประวัติความเป็นมายาวนาน อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มาตั้งแต่พ.ศ. 2534 โดยทำกันเล็กๆในครอบครัว ลูกหลานช่วยกันเสิร์ฟ ซึ่งแม่ครัว 2 คนแม่ลูกนั้นมีอายุทั้งคู่แล้ว(คุณแม่ 75 ปี ลูกสาว 50 ปี) ค่อยๆปรุงอาหารทีละจาน บางครั้งต้องรอนานนับชั่วโมง แต่ลูกค้าทุกคนที่มาอุดหนุนก็ยอมให้แต่โดยดี เพราะพอได้ชิมลิ้มลองเข้าปากเพียงคำแรก ก็จะเพลิดเพลินลืมเรื่องราวทุกสิ่งอันในบัดดล
คุณนัน ลูกชายของคุณมะลิ ติอารีย์ แม่ครัวเอก เล่าให้พวกเราฟังว่าแรกเริ่มเดิมทีเคยเปิดร้านที่กรุงเทพฯชื่อว่า กุ้งเผาทหารผ่านศึก(คุณพ่อเป็นทหารรักษาพระองค์) ตรงข้ามมโนรมคาเฟ่
จากนั้นจึงย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่เชียงใหม่ โดยเช่าบ้านของคุณประโพธ เปาโรหิตย์ ผู้ร่วมขบวนการเสรีไทยสายอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำเป็นร้านอาหารพวงทอง ซึ่งคุณชายถนัดศรีก็เคยมาชิมสมัยที่อยู่ข้างวัดชัยมงคลนั่นเอง
ในที่สุดจึงย้ายร้านมาอยู่ตรงทำเลปัจจุบัน ริมน้ำปิง ถนนป่าแดด ซึ่งเป็นบ้านของคุณลุง ทางมาร้านพวงทองนั้น ให้มาตามถนนช้างคลานหรือถนนเจริญประเทศเลียบแม่น้ำปิง(ผ่านโรงเรียนมงต์ฟอร์ตวิทยาลัยแผนกประถม)ก็ได้ มุ่งหน้ามาทางป่าพร้าวนอก ซึ่งในที่สุดทั้งสองถนนนี้จะมาบรรจบกันเป็นสายเดียว แถวโรงแรมรติล้านนา ริเวอร์ไซด์ สปา รีสอร์ท(Ratilanna)
จากนั้นวิ่งต่อไปอีกเพียง 200 เมตรก็จะถึงร้านอาหารพวงทอง อยู่ในบ้านไม้ทางด้านซ้ายมือ ถัดจากร้านบ้านริมน้ำ มีที่จอดรถหน้าร้านและด้านข้างได้ประมาณ 7-8 คัน
บริเวณที่นั่งกินข้าวนั้น ต้องเดินผ่านตัวบ้านไม้ไปที่ริมน้ำ ต่อเติมอย่างง่ายๆเปิดโล่ง เป็นพื้นปูนทำหลังคาคลุม จุคนได้ไม่กี่สิบคน
ซึ่งขอรีบแจ้งวิธีการจองการสั่งอาหารก่อนเพราะต่างจากร้านอาหารทั่วๆไป คล้ายๆกับร้านเชฟเทเบิ้ลหรือร้านที่ต้องจองคิวล่วงหน้าในกรุงเทพฯ เพียงแต่ไม่ต้องจองคิวนานเป็นเดือนขนาดนั้น แค่จอง 1-2 วันล่วงหน้าก็ได้แล้ว
โดยให้โทรมาหาคุณกษิรา ลูกสาวคุณมะลิ ที่เบอร์ 08-1954-0541ตั้งแต่ช่วงสายๆ 10.00 – 13.00 น.โดยประมาณ (ถ้าไม่รับสายไม่เป็นไร เดี๋ยวสักพักก็จะโทรกลับ) เพื่อจองโต๊ะ บอกจำนวนคนและวันเวลาที่จะไป(ร้านนี้เปิดเฉพาะมื้อเย็น)
จากนั้นพอถึงวันนัด ทางร้านจะโทรกลับมาถามตอนเที่ยงถึงบ่าย 3 โมง ว่าอยากสั่งเมนูอะไร เมนูละกี่จาน สามารถให้ที่ร้านออกแบบเมนูให้ได้ว่าควรกินอะไรคู่กับอะไร สาเหตุมาจากว่าในครัวทำกันแค่ 2 คน จะได้ตระเตรียมวัตถุดิบไว้รอเลย ซึ่งตอนมาชิม ถ้าอยากกินอะไรเพิ่ม แม่ครัวก็รับออเดอร์เพิ่มอีกได้ ถ้ามีวัตถุดิบเหลือ แต่ถ้าเป็นกุ้งแม่น้ำแนะนำให้แจ้งเลยตอนโทรจองโต๊ะว่าจะรับกี่ตัว จะได้มีเวลาจัดหา(ซึ่งตอนผมกลับไปซ้ำอีกครั้ง กุ้งแม่น้ำก็ขาดตลาด อดกิน)
คุณแม่มะลิมีฝีมือในการทำพริกแกงต่างๆถูกต้องตามตำรับดั้งเดิม แต่ก่อนนั้นสามีคุณแม่ย้ำเตือนตลอดว่า ห้ามดัดแปลงสูตรเป็นอันขาด รสมือต้องมีความเป็นไทยแท้
ของอร่อยจนทุกคนในคืนนั้นตกตะลึงมีมากมาย เริ่มกันที่ผัดพริกขิงปลา(500 บาท) เยี่ยมยอดหอมอร่อยที่สุดในปฐพี หอมใบมะกรูดซอย นี่คือรสชาติพริกขิงที่กินตอนเด็กๆ ปลาช่อนนาทอดกรอบๆหอมอร่อยมากไม่มีกลิ่นสาบกลิ่นโคลน เมนูนี้ให้ห้าดาวเลยทีเดียว
อีกอย่างที่ฟังชื่อแล้วดูไม่น่าจะเข้ากัน คือกุ้งแม่น้ำซอสส้ม( 9 ตัว 2,250 บาท ราคาตามขนาด ช่วงนี้วัตถุดิบกุ้งแม่น้ำแพงยิ่งขึ้นไปอีก) นี่คือเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้านที่ไม่ธรรมดา อร่อยเหลือหลาย เปรี้ยวหอมสดชื่นสามรส ซอสส้มทำจากส้มเขียวหวานสดๆ กุ้งแม่น้ำใช้ขนาด 6-7 ตัวหรือ 9-10 ตัวต่อกิโลกรัม ชุบแป้งทอดน้ำมันรำข้าวทีละตัว เอามันกุ้งกับซอสมาคลุกข้าวอร่อยจนฝันถึง
และที่ประทับใจมากซี่โครงหมูต้มเค็ม(400 บาท) ได้เคี้ยวกระดูกอ่อน รสเข้มข้นเข้าเนื้อเปื่อยนุ่ม จนต้องสั่งเบิ้ลสองจาน ที่ร้านจะต้มวันละ 2 หม้อ เคี่ยวไฟอ่อนนาน 5-6 ชั่วโมง ปรุงด้วยรากผักชี กระเทียม พริกไทย และน้ำตาลมะพร้าว อีกทั้งปลาตะไคร้(500 บาท)เปรี้ยวหอมสดชื่น น้ำราดสามรส(แต่ไม่หวานมาก)เน้นตะไคร้ซอย เนื้อปลาช่อนเลาะก้างมาให้ทั้งตัวทำเป็นชิ้นสเต๊กปลา กรอบนอกนุ่มในหอมอร่อยจนตอนแรกนึกว่าเป็นปลากะพง
ของน้ำๆที่ไม่ใช่ต้มยำ เน้นรสเปรี้ยวด้วยมะนาวจี๊ดจ๊าดถูกใจ หมึกและกุ้งต้มมะนาว(650 บาท) ปรุงด้วยน้ำปลากับพริกขี้หนู ใส่ผักชี ควักมันกุ้งมากินกับข้าวได้อีกด้วย
ผัดผักง่ายๆแต่รสมือเยี่ยม คะน้าปลาเค็ม(150-180 บาท)รสเค็มกำลังดีอร่อยมาก ใส่ปลาอินทรีเค็มยีเป็นชิ้นเล็กๆ ซึ่งจะซื้อปลาอินทรีเค็มมาทั้งตัวและแช่ในน้ำมันเก็บไว้
กับข้าวอื่นๆมีอีกหลายอย่าง ทั้งกุ้งกับหมูสับผัดกะปิหอมเข้มข้น(400 บาท) (แม่ครัวบอกใช้กะปิตราชั่งนี่แหละ) แกงป่าปลาช่อนทอดไม่เผ็ดมากแต่เครื่องแกงหอมเข้ม(500 บาท) ยำกระเทียม(350 บาท )ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด กระเทียม พริกแห้ง พริกขี้หนูสวน กุ้งทอด และปลาหมึกสดทอดกรอบๆ
ปริมาณอาหารร้านนี้จานใหญ่ให้เยอะ ซึ่งราคาอาหารแต่ละโต๊ะอาจจะแตกต่างกันบ้าง เพราะแม่ครัวจะกะปริมาณให้ว่ากินกันกี่คน อย่างโต๊ะของผมจะเพิ่มราคาขึ้นไปอีก เพราะกินจุกันมากจริงๆ
ใครชื่นชอบในอาหารไทยรสชาติดั้งเดิม ขอให้โทรมาจองลิ้มลองที่ร้านพวงทองสักมื้อ จองล่วงหน้าที่เบอร์ 081-594-0541 ร้านเปิดเฉพาะมื้อค่ำ 5 โมงเย็นถึง 4 ทุ่มเท่านั้น หยุดทุกวันอาทิตย์ แต่ถ้าอาทิตย์ไหนที่มีขาประจำสั่งกลับกรุงเทพฯเป็นสิบๆถุง ก็จะเปิดขายด้วยนะจ๊ะ
แนะนำ ผัดพริกขิงปลา กุ้งแม่น้ำซอสส้ม ซี่โครงหมูต้มเค็ม ปลาตะไคร้ หมึกและกุ้งต้มมะนาว
คะน้าปลาเค็ม กุ้งกับหมูสับผัดกะปิ แกงป่าปลาช่อนทอด ยำกระเทียม