
ไข่บุญคง บ้านอบควันอ้อย
อิ๊งค์ Eat All Around











ไข่บุญคง บ้านอบควันอ้อย
มวกเหล็ก ปากช่อง และเขาใหญ่ขึ้นชื่อเรื่องสเต๊กสไตล์อเมริกันคาวบอย แต่ที่ราชบุรีก็มีร้านสเต๊กขึ้นชื่อมาแรงแซงทางโค้ง พอได้ชิมแล้วรู้สึกประทับใจอร่อยจนฝันถึง ตามความชอบส่วนตัว ยกให้ติดท็อปเท็นของประเทศไทยได้เลย แถมยังเป็นสไตล์พื้นบ้านผสมตะวันตกไม่ซ้ำใครอีกด้วย ร้านนี้มีชื่อว่าไข่บุญคง บ้านอบควันอ้อย
แนะนำ สเต๊กเนื้อส่วนต่างๆ เช่นริบอาย สันใน สันนอก ทีโบน โทมาฮอว์ก ซี่โครงเนื้อชอร์ตริบส์ พอร์คช็อป(หมู) ข้าวกะเพราเนื้อคลุก แซลมอนกับทูน่าสเต๊ก ซี่โครงหมูบรั่นดีทอด ไส้กรอกเนื้อ ไส้กรอกหมู ไส้กรอกพริกไทยดำ(เนื้อและหมู) ข้าวหมูคลุกพริกกับโหระพา ข้าวผัดปู
ร้านไข่บุญคง บ้านอบควันอ้อยอยู่ริมทางหลวงสาย 3291 ด้านซ้ายมือ เลยโบราณสถานเจดีย์หักมาประมาณ 2 กิโลเมตร บนเส้นทางที่จะไปเขางู หน้าตาร้านเหมือนโรงนาในฟาร์มของฝรั่ง จอดรถได้หน้าร้าน 3-4 คันและมีด้านข้างร้านด้วย
ชื่อร้านนั้นตั้งตามชื่อบุพการีของหนุ่มใหญ่เจ้าของร้าน ชาวอำเภอหลังสวน ชุมพร คุณธวัฒน์ รัตนทองมา ซึ่งเป็นเชฟมือย่างสเต๊กกับมือผัดหนึ่งเดียวประจำร้าน คร่ำหวอดในวงการสเต๊กมานาน
น้องวัฒน์ไว้หนวดเคราแต่อัธยาศัยใจคอดีและบริการเป็นเลิศ สมัยยังเป็นวัยรุ่น มีเชฟชาวอเมริกันจุดประกายสอนเคล็ดลับการทำสเต๊ก จึงมีใจรักเรียนรู้เพิ่มเติมมาตลอด เคยเปิดร้าน BB Steakhouse ที่บ้านโป่งเมื่อ 20 ปีก่อน หลังจากนั้นก็หยุดทำร้าน ตระเวนหาประสบการณ์ทั่วประเทศจนรู้ลึกรู้จริง และมาเปิดร้านไข่บุญคง เมื่อปี 2561
เทคนิคการทำสเต๊กนั้น น้องวัฒน์บอกว่าเป็นแนวพื้นบ้านผสมผสานกับฝรั่งตะวันตก เน้นใช้เนื้อเกรดพรีเมียมจากฟาร์มเอ็มที ราชบุรี ที่จอมบึง นี่เอง เป็นเนื้อโคขุนแบรงกัส(Brangus) พันธุ์ผสมบราห์มันกับแองกัสเป็นหลัก และบางครั้งยังมีชาร์โรเล่ส์ลูกผสม กับวากิวมาเสริมด้วย ความโดดเด่นคือเป็นเนื้อดรายเอจ บ่มนาน 24-27 วัน จนมีรสชาติ
ไม่เพียงแต่เนื้อวัวที่เด็ดเท่านั้น พอร์คช็อปหมูของร้านไข่บุญคงก็นุ่มชุ่มฉ่ำอร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาทีเดียว เพราะเนื้อหมูก็มีการแขวนบ่มนานถึง 10 วัน จนนุ่มหอมมีรสชาติเช่นกัน และยังมีเมนูเด็ดอื่นๆที่ไม่ใช่เนื้อวัวอีกด้วย
การมาร้านนี้ต้องจองล่วงหน้าสถานเดียว หลายวันยิ่งดี เนื่องจากวัฒน์ต้องการดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง จึงทำทีละไม่กี่โต๊ะ ทยอยรับเป็นช่วงๆตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม รับเป็นหมู่คณะ 10 กว่าคนก็ได้ โทรไปสอบถามได้ที่ 08-4721-4045 และให้จองเนื้อ สั่งเมนูล่วงหน้าไว้เลย ซึ่งให้คุณวัฒน์แนะนำได้
เริ่มกันด้วยสเต๊ก ที่นี่มีหลายชิ้นส่วนหลายคัตให้เลือก ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นมีอะไร เช่นวันที่เราไปเนื้อโทมาฮอว์ก ชิ้นโตๆโลกว่าหมด(1-1.5 กิโล 2,800-3,500 บาท) เพราะโดนจองเกลี้ยงทั้ง 15 ชิ้น รวมทั้งไม่มีทีโบน(7-9 ขีด 1,650-1,850 บาท) แต่ไม่เป็นไรเพราะมีของดีอื่นๆอีกเยอะ
ก่อนอื่นน้องพนักงานหน้าร้านที่มีอยู่เพียง 2 คน จะเสิร์ฟสลัดผักสารพัดชามโตให้ก่อน คู่กับน้ำสลัดที่นี่มีทั้งน้ำข้นคล้ายน้ำสลัดซีซาร์ และน้ำใสเป็นน้ำสลัดบีทรูทอมเปรี้ยว ผสมทั้ง 2 อย่างเข้ากันดีมาก (หน้าตาน้ำสลัดคล้ายกับของพี่เล็กที่มวกเหล็ก ซึ่งสนิทกับน้องวัฒน์ แต่เติมน้ำเชื่อมเพิ่มเล็กน้อย) อีกทั้งยังมีโคลสลอว์(cloeslaw) สลัดกะหล่ำปลีมาพร้อมกับจานเนื้อด้วย เข้ากันดีมาก บางวันก็มีผักสลัดคอสปลูกเองมาให้แทน นอกจากนี้ถ้ามีเวลาเชฟวัฒน์จะทำเฟรนช์ฟรายโฮมเมดด้วย
และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย สเต๊กพระเอกของเราทยอยออกมาจากครัว เสิร์ฟมาบนจานร้อนกลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งโต๊ะ ซึ่งก่อนย่างเชฟวัฒน์จะทาชิ้นสเต๊กด้วยซอสเครื่องเทศสมุนไพรกับดอกเกลือ(น้ำแรก)ของนาเกลือบ้านเรา แล้วลงย่างนาบบนกระทะเลย มีกลิ่นรสหอมๆของพริกไทยดำจากชุมพรมากๆ
ทีเด็ดวันนั้นคือสเต๊กริบอาย(3.8 ขีด 1,200 บาท)ติดมัน มีทั้งริบอายชาโรเล่ส์(Charolais)ลูกผสม และริบอายแบรงกัส อย่างละ 1 ชิ้น(ชิ้นละ 1,200 บาท) แค่เอาเข้าปากเพียงคำแรกก็ตาโตร้องวี้ดวิ่วกันทั้งโต๊ะ อร่อยทั้งคู่ เกรียมด้านนอก ข้างในสุกกำลังดีสีชมพูอมแดง ฉ่ำหอมนุ่มคนละคาแรคเตอร์
อีกอย่างที่ห้ามพลาดเลย ซี่โครงเนื้อชอร์ตริบส์(Short ribs) (1,200 บาท)ชิ้นโตๆ หมักด้วยผง Dry Rub เครื่องเทศฝรั่งปนไทย นาน 3 วัน 2 คืนจนซึมหอมเข้าไปในเนื้อ และอบควันอ้อยสุมบนถ่านนาน 7 ชั่วโมง ซึ่งน้องวัฒน์จะทาซอสบาร์บีคิวบางๆไม่เผ็ดไม่รสจัดมากเกินไป เพื่อเน้นรสชาติความนุ่มนวลของซี่โครงเนื้อ จานนี้เนื้อนุ่มหอมมันฉ่ำเยิ้มสุดๆ
ไม่กินเนื้อก็มี พอร์คช็อป(หมู) (หนัก 3.7-4.5 ขีด 240 บาท) อร่อยที่สุดจนยกนิ้วโป้งสองข้างให้เลย ด้านนอกเกรียมกรอบๆ เนื้อในนุ่มมาก หอมกลิ่นเครื่องเทศพริกไทยรสเข้มบนผิวเนื้อ วัฒน์บอกว่าผ่านการบ่มมา 10 วันแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องหมักเลย แค่ทาด้วยดอกเกลือก็พอ
แซลมอนกับทูน่าสเต๊ก(540 บาท) 2 อย่างเสิร์ฟมาในจานเดียวกัน จี่ในกระทะให้ขอบนอกพอสุก ส่วนด้านในยังเป็นสีแดงและชมพู หอมสุดๆเนื้อในนุ่มฉ่ำ (นี่ก็อร่อยไม่เหมือนใคร)
ตามมาด้วยซี่โครงหมูบรั่นดีทอด (280 บาท และมีจานใหญ่ 550 บาท) ซี่โครงหมูหมักกับน้ำเกลือ บรั่นดี และเครื่องเทศสมุนไพร จนหอมเข้าเนื้อ และมีไส้กรอกเยอรมันโฮมเมดทำเองทั้งเนื้อและหมู ทำเป็นชิ้นเล็กๆ โดยไส้กรอกเนื้อ(380 บาท)ทำจากเศษเนื้อแบรงกัสที่เหลือจากการตัดแต่ง ใส่มันแข็งเสือร้องไห้เล็กน้อย เน้นความเป็นเนื้อๆ ส่วนไส้กรอกหมู(320 บาท)จะมีมันชุ่มฉ่ำผสม อร่อยชนิดไม่ต้องจิ้มซอสเลย น่าเสียดายที่วันนั้นไส้กรอกพริกไทยดำ(180-220 บาท)ชิ้นโตหมดเกลี้ยง เป็นตัวขายดีเช่นกัน
อยากกินอะไรให้สั่งได้ตามใจชอบ แต่ห้ามพลาดข้าวกะเพราเนื้อคลุก(180-350 บาท)เป็นอันขาด ผัดมาได้หอมและรสจัดมาก คลุกเคล้าทั่วเมล็ดข้าวเลย มีความหนึบหอมเป็นเม็ดสวย มีบอดี้ได้เคี้ยวเพราะใช้ข้าวถึง 3 ชนิด ทั้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมมะลิแดงจากอีสาน และข้าวหอมมะลิขาวปกติ เนื้อหั่นเต๋าหอมนุ่ม โปะด้วยไข่เป็ดดาวมาอีก 1ฟอง ถ้าไม่กินเนื้อก็มีข้าวหมูคลุกพริกกับโหระพา(80-190 บาท) จะได้กลิ่นหอมของใบโหระพาแทน และยังมีข้าวผัดปู(290 บาท)อีกอย่างด้วย
นี่คือร้านสเต๊กพื้นบ้านผสมตะวันตกที่ผมชื่นชอบมากๆ ขอย้ำว่าห้ามวอล์กอินดุ่มๆ ต้องโทรจองล่วงหน้า ที่เบอร์ 08-4721-4045 ร้านเปิด 11 โมงเช้าถึง 3 ทุ่มทุกวัน หยุดเฉพาะวันที่รับงานนอก ใครไม่ได้ชิมเหมือนมาไม่ถึงราชบุรีนะจ๊ะ